สายไฟแต่ละสี ต่างกันอย่างไร
ชนิดของสายไฟ มีอีกเรื่องที่ชวนงงคือ สีของสายไฟ ที่มีทั้งสีเหลือง เขียว ดำ และสีอื่นๆ อีก ซึ่งคนทั่วไปไม่ได้เชี่ยวชาญงานไฟฟ้าต่างก็สงสัยว่าแต่ละสีไว้ใช้ทำอะไรบ้าง มีข้อแตกต่างอย่างไร เราจึงรวมข้อสงสัยนี้มาตอบให้กระจ่างชัดกัน
ทำความเข้าใจเรื่องระบบส่งไฟแบบง่ายๆ ก่อน
ระบบไฟฟ้า 1 เฟส
ระบบไฟฟ้าที่ใช้กันทั่วไปตามบ้าน เป็นกระแสสลับระบบ 1 เฟส 2 สาย แรงดัน 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ โดยสายไฟ 2 สายที่ใช้ สายหนึ่งจะมีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่หรือเรียกว่าสายเคอร์เรนต์ (current line) ส่วนอีกสายจะเป็นสายนิวทรัล (neutral line) ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ จะเห็นได้จากปลั๊กไฟตามบ้านที่มีช่องเสียบอยู่ 2 ช่อง ถ้าเอาไขควงสำหรับตรวจกระแสไฟฟ้าลองวัดดูจะเห็นได้ว่าช่องหนึ่งจะมีไฟแดงปรากฏ ส่วนอีกช่องจะไม่มีไฟแดงปรากฏ แสดงว่าไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน แต่เมื่อเวลาใช้งานกับหลอดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้ร่วมกันทั้ง 2 สายเพื่อให้กระแสไฟฟ้าครบวงจร ส่วนบางแห่งที่เห็นปลั๊กไฟมี 3 ช่องนั้นยังเป็นระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟสเหมือนกัน แต่ช่องที่เพิ่มขึ้นมานั้นเป็นช่องที่ต่อกับสายดิน (ground) เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลลงดินเวลาเกิดไฟรั่วเป็นการเพิ่มความปลอดภัย
ระบบไฟฟ้า 3 เฟส
โดยสรุปคือ ทั้ง 2 แบบ สามารถนำมาใช้งานภายในบ้านได้เหมือนกัน หากนำ ระบบไฟฟ้า 3 เฟสมาใช้นั้นจะเสียค่าใช้จ่ายในตอนต้นค่อนข้างสูง เช่น ค่าติดตั้ง ค่าประกันการใช้ไฟฟ้า แต่สามารถประหยัดค่าใช้ไฟฟ้าได้ในระยะยาว ดังนั้นควรติดตั้งกับบ้านหรืออาคารที่ค่อนข้างใหญ่ มีการใช้ไฟฟ้าหลายจุดและเป็นปริมาณมากถึงจะคุ้มกว่า แต่หากเป็นบ้านหรืออาคารที่มีขนาดเล็กและมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าไม่มากควรติดตั้งระบบไฟฟ้า 1 เฟสก็เพียงพอครับ
ชนิดของสายไฟภายในบ้าน
นอกจากนี้สายไฟที่ใช้ภายในบ้านยังจำแนกประเภทได้อีก 3 อย่างหลักๆ ด้วยกัน ตามนี้เลย
- สายไฟ THW – สายทองแดงข้างในเป็นเส้นเดียว หุ้มฉนวนด้วยพลาสติก PVC จึงเหมาะสำหรับการเดินสายลอยภายในบ้าน ไม่ควรเดินสายลงดิน เพราะวัสดุไม่ทนทานความชื้น
- สายไฟ VAF – สายทองแดงข้างในเป็นเส้นเดียว มีฉนวนหุ้ม 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นสีขาว ชั้นที่ 2 เป็นสีตามสายไฟ มีทั้งแบบ 2 สายและ 3 สาย ฉนวนเป็นพลาสติก PVC เช่นเดียวกัน จึงเหมาะสำหรับเดินสายไฟภายในบ้าน
- สายไฟ VCT – สายทองแดงข้างในเป็นแบบเส้นเดียว และเป็นแบบฝอย มีฉนวนหุ้มเป็นวัสดุยางพารา จึงเหมาะกับเดินสายไฟใช้งานภายนอก เพราะวัสดุทนความชื้น และทนความร้อนได้ดี
สีของสายไฟเกี่ยวข้อง และแตกต่างกันอย่างไร
ที่พูดมาข้างต้นเกี่ยวข้องกับสีสายไฟแน่นอน ซึ่งขอเล่าก่อนว่าปัจจุบันสีของสายไฟได้เปลี่ยนแปลงไปตามผลบังคับใช้ มอก.11-2553 ซึ่งต้องการเปลี่ยนสีขนาดแรงดัน และชื่อของของสายให้ตรงกับมาตรฐาน IEC code ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และร่วมถึงประเทศที่อยู่นี้กลุ่ม AEC ด้วย ให้เป็นในแนวทางเดียวกัน สร้างความเข้าใจให้ง่ายมากขึ้น ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
จากเดิม
- L1 – สีดำ
- L2 – สีแดง
- L3 – สีฟ้า
- N – สีเทา
- G – สีเขียวแทบเหลือง
เปลี่ยนใหม่
- L1 – สีน้ำตาล
- L2 – สีดำ
- L3 – สีเทา
- N – สีฟ้า
- G – สีเขียวแทบเหลือง
ซึ่งระบบ 1 เฟสและ 3 เฟส จะมีสีสายไฟแตกต่างกันตามนี้
ระบบ 1 เฟส
- สายเฟส (L) ฉนวนเป็น สีน้ำตาล
- สายนิวทรัล (N) ฉนวนเป็น สีฟ้า
- สายดิน (G) ฉนวนเป็น สีเขียวแถบเหลือง
ระบบ 3 เฟส
- สายเฟส (L1) ฉนวนเป็น สีน้ำตาล
- สายเฟส (L2) ฉนวนเป็น สีดำ
- สายเฟส(L3) ฉนวนเป็น สีเทา
- สายนิวทรัล (N) ฉนวนเป็น สีฟ้า
- สายดิน (G) ฉนวนเป็น สีเขียวแถบเหลือง
ทั้งนี้ การเปลี่ยน ซ่อมแซมสายไฟด้วยตนเอง ยังคงเป็นเรื่องอันตรายอยู่นัก แนะนำว่าให้ใช้ช่างผู้ชำนาญทำการเปลี่ยนให้จะปลอดภัยกว่า แต่ตอนไปเลือกซื้อก็ควรมีความรู้ไว้ติดตัวเช่นกัน
ขอบคุณที่มาและข้อมูล:https://www.baanlaesuan.com/
เรื่อง : Gott
ภาพประกอบ : ญาณิกา เกียรติโอกาส