มารู้จักความแตกต่างของ”แอร์ธรรมดา” กับ แอร์ ” INVERTER”

มารู้จักความแตกต่างของแอร์ธรรมดา vs แอร์ INVERTER

          เมืองไทยบ้านเราถือว่าเป็นเมืองที่มีอากาศร้อนจัดเลยเชื่อว่า หลายคนต้องแก้ปัญหากับอากาศร้อนด้วยการ มองหา เครื่องปรับอากาศ ดีๆ สักเครื่อง มาช่วยดับร้อนของตัวเอง แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เครื่องปรับอากาศ ก็มีหลากหลายแบบ เราควรเลือกแบบไหนที่เหมาะกับบ้านเรา? ระหว่างระบบเดิม หรือระบบ INVERTER ที่กำลังมาแรง เพื่อให้การติดสินใจเลือกไม่ผิดพลาด มาดูกันว่าทั้งสองระบบที่ว่านี้มีข้อแตกต่างกันอย่างไร?

เห็นข้อแตกต่างกันแล้ว คงทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะ แอร์ INVERTER นั้นมีความต่างที่น่าสนใจ ร้อนๆ แบบนี้ เปิดปุ๊บเย็นเร็วทันใจ รักษาอุณหภูมิได้คงที่ ไม่รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนแอร์ระบบธรรมดา แถมอากาศยังสดชื่นตลอดการใช้งาน เสียงที่เงียบ ช่วยให้นอนหลับสบาย ที่สำคัญ คือ ประหยัดไฟ ข้อนี้เชื่อว่าช่วยให้คุณยิ้มได้เมื่อเห็นตัวเลขในบิลค่าไฟลดลง

แอร์ระบบ Inverter ช่วยให้ประหยัดค่าไฟกว่าแอร์แบบธรรมดา
       แอร์ระบบ Inverter นั้นมีการทำงานที่แตกต่างจากแอร์แบบทั่วไป แอร์แบบทั่วไปเวลาทำความเย็นจนถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้คอมเพรสเซอร์ ก็จะหยุดทำงาน แต่พออุณหภูมิเปลี่ยนไปคอมเพรสเซอร์จะ start ระบบเริ่มทำงานใหม่ ซึ่งลักษณะการทำงานแบบนี้ทำให้เกิดการกินไฟเอามากๆ เพราะต้องใช้พลังงานมากตอนที่ start ซึ่งแตกต่างจากการทำงานของ แอร์ระบบ Inverter ที่เมื่อทำความเย็นไปถึงระดับที่กำหนดไว้ คอมเพรสเซอร์จะไม่หยุดทำงานแต่จะทำงานช้าลง รวมไปถึงพัดลมด้วยที่จะหมุนช้าลง ทำให้เวลาอุณหภูมิเปลี่ยนไม่จำเป็นต้อง Start การทำงานของคอมเพรสเซอร์ใหม่ โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานในการ start คอมเพรสเซอร์ใหม่แต่อย่างใด ซึ่งการทำงานของ แอร์ระบบ Inverter แบบนี้สามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้มากถึง 40-60% เลยทีเดียว

แอร์ระบบ Inverter เงียบกว่า แอร์แบบทั่วไป

เหตุผลทำไม แอร์ระบบ Inverter ถึงเงียบกว่าแอร์แบบทั่วไป ก็เนื่องมาจากการทำงานที่ต่อเนื่องของ แอร์ระบบ Inverter นั่นเอง อย่างที่บอกไปว่าแอร์แบบธรรมดานั้นจะมีการ start การทำงานใหม่ทุกครั้งเมื่อจะทำการปรับอุณหภูมิใหม่ ซึ่งในช่วงที่เริ่มการทำงานนี้จะทำให้เกิดเสียงดังขึ้น แต่การทำงานของ แอร์ระบบ Inverter ที่ใช้วิธีการลดรอบการทำงานลงในขณะที่ความเย็นคงที่ แต่พอต้องการเพิ่มความเย็นก็เพียงแต่เพิ่มรอบการทำงานขึ้นเท่านั้น ซึ่งการเพิ่มรอบการทำงานที่ว่าจะไม่ทำให้เกิดเสียงดัง หรือเกิดเสียงที่เบามากจนแทบจะไม่ได้ยินเลยล่ะ

 

เลือกแอร์ อย่าลืมเลือก BTU ให้เหมาะกับพื้นที่ห้อง

BTU (BRITISH THERMAL UNIT) ก็คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเราควรเลือก BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องที่จะติดตั้ง เพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไป ดังนี้

1.ขนาดพื้นที่คูณด้วย750เช่นขนาดห้อง กว้าง4เมตรยาว6เมตรเท่ากับ 24×750=18000 สรุปห้องนี้ใช้แอร์18000btu

หน้าร้อนใช้แอร์แบบประหยัดไฟ ต้องไม่ลืม…

  1. เลือกแอร์ระบบ INVERTER
  2. เลือกขนาด BTU ให้เหมาะกับขนาดพื้นที่
  3. ก่อนเปิดแอร์ทุกครั้ง ควรปิดประตู หน้าต่างให้สนิท
  4. เปิดพัดลมก่อนเปิดแอร์ เพื่อไล่ลมร้อน แล้วค่อยเปิดแอร์ตามไปทีหลัง วิธีนี้ ช่วยให้ประหยัดไฟ
  5. ไม่นำความชื้น และความร้อนเข้าห้อง เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทำงานหนักขึ้น และก็กินไฟมากขึ้น
  6. หมั่นตรวจเช็คสภาพ และล้างแอร์เป็นประจำ (ปีละ 2 ครั้ง)
  7. Credit ความรู้ดีๆจาก : www.homepro.co.th